🎧 เพลง, แบบทดสอบ และความหมาย – ทั้งหมดในแอปเดียว ดาวน์โหลด MusicLearn!

ทำความเข้าใจวลีวิเศษณ์ "Call in": ความหมายและการใช้งาน

ยินดีต้อนรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ! วลีวิเศษณ์ Call in เป็นสำนวนที่มีความหลากหลายและถูกใช้อย่างแพร่หลายในภาษาอังกฤษ การเข้าใจความหมายต่างๆ ของมันอย่างแท้จริง เช่น การ call in sick หรือการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วในการสนทนาและความเข้าใจของคุณอย่างมาก บทความนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นคู่มือที่ครอบคลุมสำหรับการใช้ Call in อย่างเชี่ยวชาญ เราจะเจาะลึกไปที่คำนิยามต่างๆ ของมัน สำรวจโครงสร้างประโยคที่ถูกต้องในการใช้งาน ค้นหาคำเหมือนที่เกี่ยวข้อง และสุดท้าย ทดสอบความเข้าใจของคุณด้วยแบบฝึกหัด เตรียมพร้อมที่จะใช้ Call in อย่างมั่นใจในชีวิตประจำวันของคุณ!

A person on the phone, illustrating the phrasal verb Call in

สารบัญ

Call in หมายถึงอะไร?

วลีวิเศษณ์ Call in เป็นสำนวนที่มีความหมายหลากหลายในภาษาอังกฤษ โดยหลักแล้วมักเกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารผ่านทางโทรศัพท์ หรือการเรียกใครบางคนหรือสิ่งใดมาช่วยเหลือ ตัวอย่างเช่น คุณอาจ call in ที่ทำงานถ้าคุณป่วย หรือบริษัทอาจจะ call in ผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษา ความหมายที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับบริบทอย่างมาก ทำให้การเข้าใจและใช้งานได้อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็น ความยืดหยุ่นนี้เองที่ทำให้ Call in มีประโยชน์ และในขณะเดียวกันก็อาจสร้างความสับสนให้กับผู้เรียนได้

โครงสร้างกับ Call in

การเข้าใจวิธีการสร้างประโยคกับ Call in เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง วลีวิเศษณ์นี้สามารถเป็น สกรรมกริยา (ต้องการกรรมตรง) หรือ อกรรมกริยา (ไม่ต้องการกรรมตรง) ก็ได้ นอกจากนี้ คำว่า "in" สามารถแยกออกจาก "call" แล้วให้มีกรรมตรงคั่นกลางได้ มาพิจารณาโครงสร้างที่ใช้บ่อยกับความหมายหลักของ Call in

ความหมายที่ 1 ของ "Call in": โทรศัพท์ติดต่อสถานที่ (เช่น ที่ทำงาน, รายการโชว์)

หนึ่งในการใช้งาน Call in ที่พบบ่อยที่สุดคือ การโทรศัพท์ โดยเฉพาะเพื่อแจ้งสถานที่ทำงานเกี่ยวกับการลาหรือเข้าร่วมในรายการถ่ายทอดสด เช่น วิทยุหรือโทรทัศน์ การใช้ในลักษณะนี้จะเน้นถึงการรายงานข้อมูลหรือมีส่วนร่วมจากระยะไกลผ่านโทรศัพท์

  • โครงสร้าง 1.1 (อกรรมกริยา - มักตามด้วยคำคุณศัพท์): ประธาน + call + in + (คำคุณศัพท์เช่น 'sick', 'well', 'late')

    • โครงสร้างนี้พบได้บ่อยโดยเฉพาะตอนที่ลูกจ้างต้องแจ้งกับนายจ้าง วลี "call in sick" เป็นสำนวนมาตรฐานในภาษาอังกฤษ คุณอาจจะ call in well ถ้ายืนยันว่าจะกลับมา หลังจากเจ็บป่วย หรือ call in late หากคุณจะไปสาย
    • Example 1: "Sarah felt a fever coming on, so she had to call in sick to her manager first thing in the morning."
    • Example 2: "Many fans call in to sports radio shows to discuss the game's outcome and share their excitement."
  • โครงสร้าง 1.2 (ปลายทางโดยนัยหรือเพื่อเข้าร่วม): ประธาน + call + in + (to + สถานที่/รายการ)

    • แม้ว่าคุณจะพูดว่า "call the office" ได้ การใช้ "call in" มักเน้นว่าคุณกำลังรายงานจากสถานที่ภายนอกหรือโทรศัพท์ เข้า ไปยังศูนย์หรือรายการเฉพาะ
    • Example 1: "Listeners were encouraged to call in with their song requests during the evening show."
    • Example 2: "He had to call in to the conference line for the remote team meeting."

ความหมายที่ 2 ของ "Call in": เรียกหรือขอความช่วยเหลือ

ความหมายสำคัญอีกประการของ Call in คือการร้องขอให้ใครบางคน โดยปกติคือผู้เชี่ยวชาญ ผู้รู้ หรือเจ้าหน้าที่ มาให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา หรือจัดการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หมายถึงเกิดความต้องการที่ผู้อยู่ในสถานที่ ณ ขณะนั้นไม่สามารถจัดการเองได้

  • โครงสร้าง 2.1 (สกรรมกริยา - ไม่แยก particle): ประธาน + call + in + คน (เช่น ผู้เชี่ยวชาญ, หมอ, ตำรวจ)

    • ในกรณีนี้ "in" เป็น adverbial particle ที่ขยาย "call" โดยคนที่ถูกเรียกจะตามหลังทันที
    • Example 1: "The museum decided to call in an art historian to authenticate the newly discovered painting."
    • Example 2: "If the situation escalates, we will have to call in security personnel."
  • โครงสร้าง 2.2 (สกรรมกริยา - particle แยกได้): ประธาน + call + คน + in

    • โครงสร้างนี้ใช้บ่อยเช่นกัน โดยมีกรรม (คนที่ถูกเรียก) คั่นระหว่าง "call" กับ "in" ทำให้ประโยคฟังเป็นธรรมชาติ
    • Example 1: "The family had to call a plumber in when they discovered a major leak in the bathroom."
    • Example 2: "The lead investigator decided to call all available detectives in to work on the high-profile case."
    • การใช้ Call in กับความหมายนี้ เช่น ขอความช่วยเหลือ, แสดงถึงความสำคัญหรือความเป็นทางการในการขอความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพ

ความหมายที่ 3 ของ "Call in": ขอหรือสั่งให้ส่งคืนสิ่งของ

Call in ยังสามารถใช้ในความหมายของการออกคำสั่งหรือขออย่างเป็นทางการให้ส่งสิ่งของคืนกลับด้วย มักใช้ในบริบททางการเงิน เช่น เกี่ยวกับเงินกู้ หรืออุตสาหกรรมการผลิตเมื่อมีการเรียกคืนสินค้าเนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัยหรือคุณภาพ

  • โครงสร้าง 3.1 (สกรรมกริยา - ไม่แยก particle): ประธาน + call + in + สิ่งของ (เช่น เงินกู้, สินค้า, บุญคุณ, รายงาน)

    • กรรมคือสิ่งของหรือแนวคิดที่ถูกขอคืนหรือถูกเรียกส่งกลับ
    • Example 1: "The automotive company was forced to call in over 50,000 vehicles due to a faulty braking system."
    • Example 2: "Our manager will call in all outstanding expense reports by the end of the week."
  • โครงสร้าง 3.2 (สกรรมกริยา - particle แยกได้): ประธาน + call + สิ่งของ + in

    • เช่นเดียวกับความหมายก่อนหน้า กรรมสามารถวางคั่นระหว่าง "call" กับ "in" ได้อย่างคล่องตัว
    • Example 1: "The bank reserves the right to call a loan in if the borrower violates the terms of the agreement."
    • Example 2: "After years of helping her, he finally decided it was time to call that big favor in."
    • การใช้ Call in แบบนี้มักสื่อถึงอำนาจหรือสิทธิ์ที่มีในการเรียกคืน การพูดว่า "call in a favor" ก็เป็นสำนวนมีประโยชน์ โดยหมายถึงการขอให้ใครทำอะไรให้ เพราะคุณเคยช่วยเหลือเขามาก่อน

วลีและคำเหมือนที่เกี่ยวข้อง

การขยายคลังคำศัพท์ของคุณด้วยคำและวลีที่มีความหมายคล้ายกับ Call in จะช่วยให้ภาษาอังกฤษของคุณฟังดูเป็นธรรมชาติและมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหมายเฉพาะของ Call in ที่คุณต้องการใช้ มีคำเหมือนที่เหมาะสมต่างกันไป ต่อไปนี้คือตัวอย่างที่พบได้บ่อย:

คำเหมือนความหมายตัวอย่างประโยค
Telephoneติดต่อใครบางคนทางโทรศัพท์ มักใช้สำหรับการสื่อสารทั่วไป"She will telephone the school to inform them of her child's absence."
Summonเรียกหรือสั่งอย่างเป็นทางการให้ใครบางคนมาที่ใดที่หนึ่ง"The committee will summon expert witnesses to testify."
Requestขอบางสิ่งบางอย่าง มักเป็นการขอความช่วยเหลือหรือบริการอย่างสุภาพหรือเป็นทางการ"We need to request technical support for the system outage."
Recallคำสั่งให้ส่งคืนสินค้าอย่างเป็นทางการ มักเนื่องจากข้อบกพร่อง"The food company had to recall a batch of contaminated items."
Enlist helpขอรับการสนับสนุน ความช่วยเหลือ หรือบริการจากใครบางคนสำหรับงานใดงานหนึ่ง"For the charity event, they plan to enlist help from local volunteers."
Reportรายงานข้อมูลหรือเหตุการณ์ต่อเจ้าหน้าที่ (เช่น รายงานว่าป่วย)"He had to report his absence to his supervisor."

การเข้าใจคำเหมือนเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกใช้คำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด แทนที่จะใช้ Call in ตลอดเวลา

ฝึกฝนกันเถอะ!

ถึงเวลาทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับ Call in ของคุณแล้ว! เลือกคำตอบที่ดีที่สุดในแต่ละข้อ

Question 1: Which sentence best uses "call in" to mean informing your workplace you won't be coming due to illness?

a) The manager will call in the team for an urgent meeting.

b) I need to call in sick today, I'm not feeling well.

c) The company decided to call in all old models of the phone.

d) She will call in her friend to help with the project.

Correct answer: b


Question 2: "The government had to _______ an independent investigator to look into the matter." Which option best completes the sentence?

a) call in on

b) call sick in

c) call in

d) call off

Correct answer: c


Question 3: In the sentence, "The manufacturer had to call in thousands of cars," the phrasal verb "call in" means:

a) To telephone.

b) To visit briefly.

c) To request professional help.

d) To order the return of something (recall).

Correct answer: d


Question 4: "I'm running late for work, I should probably _______."

a) call in it

b) call in late

c) call late in

d) call a late in

Correct answer: b

สรุป

การเรียนรู้และเข้าใจวลีวิเศษณ์ Call in เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษของคุณ เมื่อคุณคุ้นเคยกับความหมายหลากหลายของมัน — เช่น โทรศัพท์แจ้งที่ทำงาน (เช่น call in sick), เรียกความช่วยเหลือจากมืออาชีพ หรือการสั่งคืนสิ่งของ — พร้อมทั้งโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่ถูกต้อง คุณจะสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและมั่นใจมากขึ้น การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญในการใช้วลีวิเศษณ์ให้เชี่ยวชาญ ลองนำ Call in ไปแต่งประโยคด้วยตัวเองและฟังการใช้งานจากการสนทนาและสื่อต่างๆ สู้ๆ กับการเรียนรู้นะ!